วันวาเลนไทน์ ทำไมต้องสีชมพู

ประวัติวันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ หรือวันนักบุญวาเลนไทน์ จะตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ตามประวัติศาสตร์โบราณมีการพูดถึงนักบุญ 3 คนในช่วงคริสต์ศักราชตอนต้น 

•       -ช่วงราว ค.ศ. 197 ได้พูดถึงวาเลนไทน์แห่งเทอร์นีกลายมาเป็นบิชอปแห่งอินเตรัมนา ที่ได้ พลีชีพตนเองในช่วงการเบียดเบียนของคริสต์ศาสนิกชน ศพของเขาถูกฝังไว้ที่เวียฟบามีเดีย โดยเรลิก (ชิ้นส่วนร่างกายของนักบุญที่มีการเก็บรักษาไว้เพื่อให้ศาสนิกชนได้บูชา) ของเขาอยู่ที่มหาวิหารนักบุญวาเลนไทน์แห่งเทอร์นี

      -ราว ค.ศ. 269 ได้พูดถึงวาเลนไทน์แห่งโรม เป็นนักบวชที่พลีชีพตนเอง กะโหลกของเขาที่สวมมาลัยดอกไม้ถูกจัดแสดงที่มหาวิหารซานตามาเรียในคอสเมดิน และร่างถูกฝังไว้ที่เวียฟลามีเนีย ส่วนเรลิกอื่นๆถูกพบที่มหาวิหารซานตาพราสเซเด ประเทศอิตาลี และ โบสถ์คาร์เมไลท์ถนนไวท์ไฟร์เออร์ ประเทศไอร์แลนด์

      -ตามสารานุกรมพูดถึงนักบุญคนที่สามว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เขาได้พลีชีพเพื่อศาสนาในแอฟริการ่วมกับเพื่อนที่เดินทางด้วยกัน และไม่มีข้อมูลใดเพิ่มเติม

         ในอดีตวันวาเลนไทน์เป็นวันฉลองนักบุญในศาสนาคริสต์ยุคแรก โดยในปี ค.ศ. 496 มีการกำหนดวันวาเลนไทน์ขึ้นมาครั้งแรก โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 และต่อมาในปี ค.ศ. 1969 สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ให้ตัดออกจากปฏิทินโรมันทั่วไป โดยปัจจุบันในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่หลายประเทศทั่วโลกเฉลิมฉลอง โดยเฉพาะประเทศทางตะวันตก

         โดยวันวาเลนไทน์ถูกนำมาเกี่ยวข้องกับความรักโรแมนติกครั้งแรกในสมัยกลางยุครุ่งโรจน์ ในแวดวงสังคม ของเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 วันวาเลนไทน์ได้ถูกพัฒนาให้เป็นวันที่เปิดโอกาสให้คู่รักแสดงความรักแก่กัน โดยการให้ขนม ลูกกวาด ดอกไม้ การ์ดอวยพร รวมไปถึงช็อกโกแลต

สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

ขอบคุณรูปภาพจาก https://th.wikipedia.org

         ในยุคของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง แห่งกรุงโรม กษัตริย์ที่มีใจคอดุร้ายและชื่นชอบการทำสงคราม ทำให้มีการเกณฑ์ชาวเมืองไปรบเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการประกาศยกเลิกการแต่งงาน แต่ในช่วงเวลานั้นได้มีนักบุญที่ชื่อว่า “ เซนต์วาเลนไทน์ ” หรือ “ วาเลนตินัส ” ได้ขัดคำสั่งของกษัตริย์ช่วยให้ชาวบ้านได้มาแต่งงานกัน ทำให้โดนจับตัวไปขังคุกไว้ และในขณะที่โดนขังคุกอยู่นั้น ผู้คุมขังก็ได้มีการร้องขอให้เซนต์วาเลนไทน์ ช่วยสอนหนังสือให้กับลูกสาวของเขา ที่ชื่อว่า “ จูเลีย ” ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาสวย แต่โชคร้ายที่เธอตาบอด เซนต์วาเลนไทน์จึงได้เล่าเรื่องพระเจ้าให้เธอฟังและสอนหนังสือให้ จนเธอมีความรู้มากขึ้นและเชื่อในตัวของเซนต์วาเลนไทน์ จนวันหนึ่งจูเลีย เอ่ยถามว่า “ ถ้าเธออธิษฐานต่อพระเจ้า ท่านจะได้ยินเราไหม ”  เขาตอบเธอไปว่า “ พระองค์ได้ยินเราแน่นอน ” จูเลียพูดต่อว่า “ ท่านรู้ไหมในทุกเช้าเย็น ข้าขอให้ข้ามองเห็นโลกและทุกอย่างที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง ” เซนต์วาเลนไทน์จึงตอบกลับว่า “ พระเจ้าย่อมมอบแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้ทุกคน แค่ต้องเชื่อมั่นในพระองค์เท่านั้นเอง ” จูเลียได้ยินอย่างนั้นจึงคุกเข่ากุมมืออธิษฐานขอพรพร้อมเซนต์วาเลนไทน์ และก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เมื่อจูเลียค่อยๆลืมตาขึ้นมา สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ และเรื่องนี้ก็ถูกกล่าวถึงกันทั่วอาณาจักร จนมาถึงคืนก่อนวันที่เซนต์วาเลนไทน์จะถูกตัดสินประหารชีวิต เขาได้เขียนจดหมายถึงจูเลีย และลงท้ายด้วยข้อความที่ว่า “ From Your Valentine ”

         เขาถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 ศพถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส กรุงโรม และจูเลียได้ปลูกต้นอามันต์หรืออัลมอนต์สีชมพูไว้ใกล้หลุมศพของผู้เป็นที่รักของเธอ และสีชมพูจึงกลายมาเป็นตัวแทนแห่งความนิรันดรและมิตรภาพอันสวยงาม และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จึงกลายมาเป็นวันที่ผู้คนระลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้กับความรักนั่นเอง

         การแสดงความรักในวันวาเลนไทน์นั้น ผู้คนนิยมให้ของขวัญแทนความรักกันหลากหลายอย่าง โดยวันนี้ ThailandPostMart ได้รวบรวมของขวัญที่คนนิยมให้ในวันวาเลนไทน์มาแนะนำทุกคนกันค่ะ เพื่อให้เป็นวันที่พิเศษสำหรับคุณ และคนที่คุณรัก 

• แสตมป์ สื่อแห่งความรักปี พ.ศ. 2564 ที่เป็นรูปสัญลักษณ์ภาษามือที่สื่อถึงความรัก โดยจำนวนดวงในแผ่นทั้งหมด 16 ดวง (คละแบบ)

• 
  

• สนใจสั่งซื้อสินค้าคลิก… https://bit.ly/42widdj