กรุณารอสักครู่...
โปรโมชัน
Cart
Cart

หมวดหมู่สินค้า

อร่อยทั่วไทย

ของรักไปรษณีย์ไทย

ขุมทรัพย์ของดี

นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

สินค้าดีฝีมือเด็ด

ของฮิตติดกระแส

ของดีตามฤดู

THP SHOP

ภาษา

TH

|

EN

ระวัง “ชานมไข่มุก” กินทุกวัน เสี่ยงเป็น 4 โรคร้าย
ระวัง “ชานมไข่มุก” กินทุกวัน เสี่ยงเป็น 4 โรคร้าย
11 ก.ย. 2017

แชร์


          ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มยอดนิยมในยุคนี้ “ชานมไข่มุก” คงจะเป็นชื่อที่หลายคนนึกถึง ด้วยความ หอม หวาน ของชานม และความหนึบ ของเม็ดไข่มุก ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลาย ๆ คน  ทำให้ธุรกิจชานมไข่มุกผุดขึ้นมามากมาย ทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ หรือบางร้านนำเม็ดไข่มุกมาดัดแปลงใส่กับเครื่องดื่มอื่น ๆ ทั้ง ชาไทย กาแฟ ชาเขียว โกโก้ เป็นต้น และแม้ว่าหลายคนจะรู้ดีถึงแคลอรี่มหาศาลของชานมไข่มุก 1 แก้ว แต่เมื่อนึกถึงความหอม หวาน หนึบหนับ ก็ยากเกินจะห้ามใจ “ชานมไข่มุก” จึงกลายเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตที่เปิดเมื่อไหร่ ก็ขายดีเมื่อนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับชานมไข่มุกกัน

ต้นกำเนิดชานมไข่มุก

          ชานมไข่มุก กำเนิดจากประเทศไต้หวัน ช่วงยุคค.ศ. 1980 “ร้านชาชุน ฉุ่ยถัง” ในเมืองไถจง น่าจะเป็นร้านแรกที่คิดค้นเมนูชาไข่มุกขึ้นมา เมื่อปี 1988 ขณะที่กำลังประชุมอยู่นั้น คุณหลินชิ่วฮุย (ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์) ได้เทขนมหวานชิ้นเล็ก ๆ ลงไปในชา ทุกคนในห้องประชุมเห็นว่าน่าสนใจ จึงทำออกมาขาย ปรากฏว่า ยอดขายดีมาก ทำลายสถิติเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ บ้างก็ว่า ชาไข่มุกน่าจะมีที่มาจากร้านชาหานหลิน ที่เมืองไถหนาน ประเทศไต้หวัน ของนายถัวซ่งเหอ เขาใส่เม็ดสาคูสีขาวลงไปในชา ทำให้มันเหมือนไข่มุก เป็นที่มาของคำว่า "ชาไข่มุก" หลังจากนั้นไม่นาน หานหลินเปลี่ยนสีสาคูจากสีขาวเป็นสีดำแบบที่นิยมกันในปัจจุบัน ช่วงปี 1990 เครื่องดื่มชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในเอเชียตะวันออก และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2012 ร้านแมคคาเฟ่ของแมคโดนัลด์ สาขาในประเทศเยอรมันและออสเตรียเริ่มจำหน่ายชาไข่มุก มีให้เลือกหลากหลายทั้งชาดำ ชาเขียว และชาขาวเลือกได้ทั้งแบบผสมและไม่ผสมนม รวมถึงน้ำเชื่อมผลไม้รสต่าง ๆ สามารถสรรสร้างเมนูใหม่ ๆ ได้มากกว่า 250 แบบ

"ชานมไข่มุก" เริ่มมีอิทธิพลในไทยตั้งแต่เมื่อไหร่?

          ชานมไข่มุก เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อประมาณ พ.ศ. 2544 ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่น เกิดเป็นกระแสเครื่องดื่มแฟชั่น แต่ด้วยข้อจำกัดทางรสชาติที่ยังไม่หลากหลายมากนักในช่วงนั้นทำให้ไม่นานกระแสเริ่มเบาลง จนเมื่อประมาณ พ.ศ. 2554 ธุรกิจชานมไข่มุกเริ่มกลับมาค่อย ๆ เติบโตอีกครั้ง เนื่องจากเริ่มมีเมนูที่หลากหลายมากขึ้น เม็ดไข่มุกสามารถใส่เครื่องดื่มได้หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดแค่ชานมและชาผลไม้เท่านั้น แต่เริ่มมีชาไทย ชาเขียว กาแฟ และโกโก้ ร่วมกับบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามมากขึ้น ทำให้ชานมไข่มุกกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

ชานมไข่มุก 1 แก้ว = ข้าว 4 ทัพพี เลยหรอ?

          แม้ว่าชานมไข่มุกจะอร่อยมากแค่ไหน แต่ดื่มมากไปก็เสี่ยงเป็นโรคอ้วนและเบาหวานได้นะ  บทความเรื่อง “เจาะลึกเบื้องหลัง ชานมไข่มุก...คุณหรือโทษ ?” จากเว็บไซต์กระปุก ระบุว่า“ การศึกษามากมายที่ระบุถึงประโยชน์ของการดื่มน้ำชาเพื่อสุขภาพ เช่น สามารถช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมันในหลอดเลือด และการมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็ง ซึ่งประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านี้ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของชาและความเข้มข้นในการบริโภค แต่การบริโภคชาเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน คือ การดื่มชาในปริมาณที่มากเกินไปอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ท้องผูก นอนไม่หลับ เป็นต้น

          แต่ชานมไข่มุก 1 แก้ว มิได้มีเพียงแต่น้ำชาเท่านั้น แต่ยังมีน้ำเชื่อม ครีมเทียม และไข่มุกเพิ่มขึ้นมา ข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ชานมไข่มุก 1 แก้ว ให้พลังงาน 240-360 กิโลแคลอรี (คาร์โบไฮเดรต 45-62 กรัมไขมัน 0-14 กรัม  โปรตีน 0.4-2 กรัม) ความแตกต่างของพลังงานและสารอาหารขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำเชื่อมและครีมเทียมที่ใส่ลงไป

          โดยไข่มุกที่อยู่ในชานมไข่มุกนั้น ผลิตมาจากแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งจัดอยู่ในอาหารหมวดเดียวกับแป้งและน้ำตาล โดยไข่มุก 30 กรัม ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี ซึ่งพลังงานที่ได้จากการดื่มชานมไข่มุกใกล้เคียงกับการรับประทานก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ 1 ชาม ที่ให้พลังงาน 326 กิโลแคลอรี (คาร์โบไฮเดรต 41 กรัมไขมัน 8 กรัมโปรตีน 21 กรัม) หรือเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลที่ได้รับจากชานมไข่มุกจะเท่ากับข้าว 3-4 ทัพพี”

รู้หรือไม่..กินชานมไข่มุกเสี่ยงเป็นโรคได้!

          มีการศึกษาวิจัยพบว่า การดื่มชาคู่กับนมหรือน้ำตาลจะลดคุณสมบัติของชาในการต้านอนุมูลอิสระ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำตาลที่ใส่ในน้ำชายังถือเป็นสิ่งที่ให้พลังงานสูญเปล่า หมายถึงสิ่งที่ให้พลังงานที่มาจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวโดยไม่มีสารอาหารอย่างอื่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีการศึกษาระบุว่า การดื่มน้ำตาลในปริมาณมาก ๆ อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดเหมือนกับการดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มประเภทชาเขียวพร้อมดื่มที่มีวางจำหน่ายทั่วไป

          นอกจากนี้ครีมเทียมที่ใส่ลงในชานม ไขมันส่วนใหญ่จะผลิตจากไขมันปาล์มซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง โดยเป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่า การบริโภคกรดไขมันอิ่มตัวเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

          ดังนั้นการบริโภคชานมไข่มุกเป็นประจำอาจนำไปสู่การเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งการดื่มชานมไข่มุกที่เหมาะสมคือ การดื่มโดยคำนึงถึงพลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวัน โดยการทดแทนการดื่มชานมไข่มุกกับการลดการบริโภคอาหารในกลุ่มข้าว แป้ง หรือการลดปริมาณน้ำตาลที่ใส่ในชานมไข่มุกที่คุณสั่ง และหลีกเลี่ยงการใส่ครีมเทียมลงไปในชานมไข่มุกที่คุณสั่ง เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถลดอันตรายที่มาจากชานมไข่มุกได้

.

          เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ใครที่อยากหลีกเลี่ยงชานมไข่มุก อาจจะลองหันมาดื่ม ชาเพื่อสุขภาพ หรือเหงาปากอยากเคี้ยวหนึบหนับ เราก็ขอแนะนำเป็น เยลลี่ลูกตาลกรอบ และ ลูกตาลสดเชื่อม แทนไข่มุก  หรือจะลองเปลี่ยนมารับประทาน เฉาก๊วย หวานไม่มาก ชื่นใจกำลังดี เนื้อเฉาก๊วยสามารถนำไปใส่ในเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ ตามที่คุณต้องการ รับรอง อร่อยไม่แพ้กัน  สั่งซื้อเฉาก๊วยคลิก https://bit.ly/3C7Jh49