ขอบคุณภาพจาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/calendar/2211394

         เจ ในภาษาจีน มีความหมายว่า “ อุโบสถ ” จึงแปลได้ว่าการกินเจคือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน แต่ด้วยชาวพุทธนิกายมหายานไม่ทานเนื้อสัตว์ จึงนิยมนำการไม่กินเนื้อสัตว์ไปรวมกับคำว่ากินเจ ปัจจุบันจึงกลายเป็นการถือศีลกินเจ โดยการทานอาหารครบทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่ทานเนื้อสัตว์ โดยเทศกาลกินเจในประเทศไทย เกิดขึ้นมาจากคนไทยเชื้อสายจีน ที่อยู่ในประเทศไทย โดยเริ่มต้นที่ภาคใต้ จากตำนานที่เล่ากันว่าเกิดโรคระบาดที่เกาะภูเก็ต ทำให้มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มีชาวจีนที่อพยพมาอยู่ประเทศไทย ได้ร่วมกันถือศีลกินเจโดยเชื่อว่าจะช่วยให้รอดพ้นเคราะห์กรรมไปได้ และต่อมากลุ่มชาวจีนที่ถือศีลกินเจได้รอดตายจากโรคระบาดครั้งนี้ ทำให้มีผู้คนนับถือศรัทธาในการถือศีลกินเจ และปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยในทุก ๆ ปี จะเริ่มกินเจวันแรก ในวันขึ้น  1 ค่ำ เดือน 9 ไปจนถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน (9 วัน 9 คืน)

ธงเจ

ขอบคุณภาพจาก https://hilight.kapook.com/view/29017

สีเหลือง เป็นสีที่ที่อนุญาตให้ใช้เฉพาะกษัตริย์ ราชวงศ์ พุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล

สีแดง เป็นสีมงคลตามความเชื่อของคนจีน ที่นิยมใช้ในงานมงคลต่างๆ โดยมีตัวอักษรสีแดงอยู่บนธง  อ่านว่า “ ไจ หรือ เจ ” ความหมายคือ “ ละเว้นจากของคาว ”

เหตุผลในการกินเจ

1. -มีจิตเมตตากับสัตว์ เนื่องจากปัจจุบันอาหารที่เรากินทำมาจากเนื้อสัตว์ 
2. -กินเพื่อสุขภาพ เนื่องจากอาหารเจเป็น อาหารประเภทชีวจิต ซึ่งหมายถึง อาหารที่คงสภาพตามธรรมชาติไว้ได้มากที่สุด ไม่ปรุงแต่ง และไม่ก่อให้เกิดสารพิษต่อร่างกาย ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้เสถียรมากยิ่งขึ้น
3. -กินเพื่อละเว้นกรรม โดยการไม่ฆ่าเอาชีวิตผู้อื่นมากินเป็นอาหาร รวมไปถึงไม่ซื้อจากผู้อื่น

ข้อปฏิบัติของการกินเจ

1. -รักษาศีลห้า และทำจิตใจให้สงบ 
2. -นุ่งขาว ห่มขาว ในการเข้าร่วมพิธีกรรมต่าง ๆ ในศาลเจ้า และทำทาน
3. -งดทานเนื้อสัตว์ และทำอันตรายแก่สัตว์
4. -งดทานอาหารรสจัด (เผ็ด หวาน เปรี้ยว เค็ม)
5. -งดนม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์
6. -งดทานผัก และเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน 
7. -งดดื่มสุรา และของมึนเมาทุกชนิด