มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับรูปปั้นครุฑต่อๆ กันมาว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดในสถานที่สำคัญของกรุงเทพฯ หลายแห่ง ซึ่งกรมไปรษณีย์โทรเลขในขณะนั้นที่เป็นตึกใหญ่และสูงที่สุดในย่านสุรวงศ์และสี่พระยา และนับว่าเป็นศูนย์กลางการสื่อสารที่สำคัญ กลับรอดจากระเบิดอย่างน่าประหลาด เพราะแม้ฝ่ายสัมพันธมิตรจะจงใจทิ้งระเบิดลงจุดนี้ แต่หลายครั้งก็พลาด หลายคนจึงเชื่อว่าครุฑสองตัวที่มุขด้านหน้าช่วยปัดป้องระเบิดให้อาคารแห่งนี้ปลอดภัย

   ครุฑมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ สุบรรณ ” หมายถึง ขนวิเศษ เป็นสัตว์หิมพานต์ในนิยาย ที่ปรากฏอยู่ตามวรรณคดีต่างๆ ตามความเชื่อโบราณ เป็นสัตว์กึ่งเทพกายสิทธิ์ขนาดใหญ่ ที่ได้รับพรให้เป็นอมตะ สามารถบินได้อย่างรวดเร็ว มีพละกำลังมหาศาล มีสติปัญญาอันชาญฉลาด  

   จึงมีความเชื่อว่าพญาครุฑเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและมหาอำนาจ ผู้ที่บูชาสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสิริมงคล มีอำนาจและวาสนา มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และในไทยใช้ตราครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ที่ได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิเทวราชของอินเดีย ที่ถือว่าพระมหากษัตริย์คืออวตารของพระนารายณ์ นำมาใช้ประทับหนังสือราชการแผ่นดิน เป็นหัวกระดาษของหนังสือของราชการทั่วไป ใช้ในธงแทนองค์พระมหากษัตริย์ และปรากฏอยู่ในขบวนเรือหลวง

พรของพญาครุฑมี 8 ประการด้วยกัน คือ

• -มีมหาอํานาจอันยิ่งใหญ่ เป็นสิทธิอํานาจอันเฉียบขาด
• -สามารถลบล้างอาถรรพ์และคุณไสยได้ทั้งปวง 
• -ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัยเป็นคงกระพัน
• -นําความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์มาสู่ชีวิตและหน้าที่การงาน
• -มีเมตตามหานิยม
• -ทํามาค้าขายดี เรียกโชคลาภ
• -นําความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ผู้เคารพบูชา
• -ป้องกันสัตว์ร้าย อสรพิษ ทั้งหลายไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้