STORY : APISARA
“ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ
ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน”
ขอบคุณรูปภาพจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จังหวัดพิจิตร หรือ เมืองชาละวัน จังหวัดริมแม่น้ำน่านทางตอนล่างของภาคเหนือ เป็นจังหวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ และนับเป็นเมืองประสูติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ กษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้จังหวัดพิจิตรยังเป็นเมืองที่สงบ มีวัดวาอารามเก่าแก่ต่าง ๆ มากมายให้เราได้ไปสักการะบูชา วันนี้เราเลยจะเชิญชวนทุกคนให้ออกไปเที่ยวพิจิตรพร้อมกันกับเรา ไปร่วมเรียนรู้อดีต สานต่ออนาคตกันเถอะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ยยย
ทำไมต้องเมืองชาละวัน ?
“ตำนานเมืองชาละวัน” ชาละวัน คือชื่อจระเข้แห่งแม่น้ำพิจิตร และเป็นตำนานของเมือง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์บทละครนอกเรื่องไกรทอง และให้นามจระเข้ใหญ่ชื่อพญาชาละวัน จึงทำให้ตำนานชาละวันกลายเป็นที่รู้จักและเป็นสมญานามของ จังหวัดพิจิตร นั่นเอง
เรียนรู้ประวัติเมืองพิจิตร ?
จังหวัดพิจิตร เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง มีความหมายว่า "เมืองงาม" ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดนครสวรรค์กับจังหวัดพิษณุโลก มีแม่น้ำน่านกับแม่น้ำยมไหลผ่าน ตัวเมืองอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน จังหวัดพิจิตรเป็นจังหวัดเก่าแก่มากจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เชื่อกันว่าเจ้ากาญจนกุมาร (พระยาโคตระบอง) โอรสพระยาโคตมเทวราช เป็นผู้สร้างเมือง เหนือฝั่งแม่น้ำน่านในปี พ.ศ. 1601 เดิมมีหลายชื่อ คือ เมืองสระหลวง เมืองโอฆะบุรี เมืองชัยบวรและเมืองปากยม ดินแดนอันเป็นเขตจังหวัดพิจิตรอยู่ในที่ราบลุ่มตอนใต้ของภาคเหนือในดินแดนสุวรรณภูมิบริเวณนี้เป็นบริเวณที่ลำน้ำยมและลำน้ำน่านไหลผ่าน ลักษณะพิเศษของดินแดนจังหวัดพิจิตรเดิมเต็มไปด้วยห้วย หนอง คลอง บึง พื้นดินจังหวัดพิจิตร เป็นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตร เพราะเป็นดินตะกอนที่เกิดจากน้ำท่วมทับถมทุกปีมีปลาชุกชุม ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบจตุสดมภ์และแบ่งหัวเมืองออกเป็นหัวเมือง เอก โท ตรี จัตวา เมืองพิจิตรมีฐานะเป็นเมืองตรี มีความสำคัญทางทหารและการปกครองมาก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์คำกลอนเรื่อง "ไกรทอง" โดยใช้เมืองพิจิตรเป็นแหล่งกำเนิดของเรื่องราว เนื่องจากเมืองพิจิตร เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมากมายและมีจระเข้ชุกชุมนั่นเอง ในปี พ.ศ. 2435 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้นำรูปแบบการปกครองระบบ เทศภิบาลมาใช้และได้จัดตั้งมณฑลพิษณุโลก เป็นมณฑลแรกประกอบด้วย 5 เมือง คือ เมืองพิษณุโลก เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก เมืองสุโขทัย และเมืองพิจิตร
ไปพิจิตรง่าย ๆ ด้วยการเดินทางดังนี้ ?
1.เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
-จากกรุงเทพฯ (ทางหลวงหมายเลข 1) แยกเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 32 ที่อยุธยา ถึงจังหวัดนครสวรรค์ แยกเข้าเส้นทางนครสวรรค์ – ชุมแสง – บางมูลนาก – ตะพานหิน – พิจิตร (ทางหลวงหมายเลข 1118) เข้าสู่จังหวัดพิจิตร รวมระยะทางประมาณ 345 กม.
-จากกรุงเทพฯ (ทางหลวงหมายเลข 1) แยกเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 32 ที่อยุธยา ถึงอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี แยกเข้าสู่เส้นทางตากฟ้า – เขาทราย – สากเหล็ก (ทางหลวงหมายเลข 11) และเข้าสู่จังหวัดพิจิตรที่กิ่งอำเภอสากเหล็ก (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 111) รวมระยะทางประมาณ 344 กม.
-จากกรุงเทพฯ (ทางหลวงหมายเลข 1) แยกเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 32 ที่อยุธยา ถึงอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี แยกเข้าสู่เส้นทางสายตากฟ้า – เขาทราย (ทางหลวงหมายเลข 11) แยกเข้าเส้นทาง เขาทราย – ตะพานหิน (ทางหลวงหมายเลข 113) แยกเข้าเส้นทางตะพานหิน – พิจิตร (ทางหลวงหมายเลข 113) เข้าสู่จังหวัดพิจิตร ระยะทางประมาณ 338 กม.
-จากกรุงเทพฯ (ทางหลวงหมายเลข 1) แยกเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 32 ที่อยุธยา ถีงจังหวัดนครสวรรค์ แยกเข้าเส้นทางนครสวรรค์ – พิษณุโลก (ทางหลวงหมายเลข 117) ถึงอำเภอสามง่าม แยกเข้าเส้นทางสามง่าม – พิจิตร (ทางหลวงหมายเลข 115) เข้าสู่จังหวัดพิจิตร รวมระยะทาง 360 กม.
2.เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง
-รถประจำทาง (บ.ข.ส.) มีรถประจำทาง(บขส. สีส้ม) ไป-กลับ ระหว่างกรุงเทพฯ – พิจิตร ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถ.กำแพงเพชร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 02-537-8055
-รถประจำทางปรับอากาศ มีรถปรับอากาศชั้น1 ของบริษัทเชิดชัยทัวร์ออกทุกวันๆละ 4 เที่ยว ตั้งแต่เวลา 9.00-22.10น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 02-936-0199
3.เดินทางด้วยรถไฟ
-การรถไฟแห่งประเทศไทย มีรถไฟออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ไป-กลับ ระหว่าง กรุงเทพฯ – พิจิตร ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง สามารถขึ้นได้จากสถานีสามเสน บางซื่อ ดอนเมือง สนใจติดต่อหน่วยประชาสัมพันธ์การรถไฟ โทร. 02223-7010, 02223-7020
หากใครมีเวลาพักผ่อน หรืออยากเที่ยวทั่วประเทศไทยให้ครบทั้ง 77 จังหวัด พิจิตรนี่แหละค่ะที่จะทำให้ทุกคนประทับใจไม่รู้ลืม หากใครไปเที่ยวพิจิตรมาแล้ว ก็อย่าลืมถ่ายรูปความประทับใจมาอวดกันบ้างน้า สำหรับวันนี้เราขอตัวลาไปก่อน เจอกันใหม่กับทริปหน้าในตะลอนเช็กอินที่เที่ยวจังหวัดพิจิตร บ๊าย บาย
ขอบคุณรูปภาพจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย