ประวัติของขนมเค้ก
“ขนมเค้ก” (cake) เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่มักจะมีรสหวานและผ่านกระบวนการอบ ซึ่งจะทำมาจากแป้ง น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ไข่ ผัก และผลไม้ที่ให้รสหวานหรือเปรี้ยว หรือส่วนประกอบที่มีไขมัน เช่น เนย ชีส ยีสต์ นม เป็นต้น และนิยมรับประทานเป็นของหวาน และฉลองในเทศกาลต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดและวันแต่งงาน ซึ่งในโลกมีตำรับหรือสูตรการทำเค้กเป็นจำนวนล้านๆ สูตร ขนมเค้กมีหลากหลายชนิด อาทิ ชีสเค้ก ฟรุตเค้ก แพนเค้ก เค้กเนยสด และแยมโรล เป็นต้น
ขนมเค้ก มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวไวกิ้ง (Old Norse word) มาจากคำว่า “kaka” ประวัติเริ่มจากปี ค.ศ. 1843 นักเคมีชาวอังกฤษชื่อ อัลเฟรดเบิร์ด (Alfred Bird 1811-1878) ได้ค้นพบ “ผงฟู” (baking powder) ขึ้น ทำให้เขาสามารถทำขนมปังชนิดที่ไม่มียีสต์ได้เป็นครั้งแรก ทั้งนี้เนื่องมาจากภรรยาของเขา (Elizabeth) เป็นโรคภูมิแพ้อาหารที่มีส่วนผสมของไข่และยีสต์
สำหรับประวัติขนมเค้กในประเทศไทยนั้น ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2480 ขนมเค้กยังไม่เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปมากนัก จะมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ได้รับอารยธรรมตะวันตกหรือใกล้ชิดกับชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจ โดยร้านเบเกอรี่ (bakery) ในกรุงเทพฯ มีอยู่ไม่มากนัก ร้านที่เป็นที่รู้จักย่านถนนเจริญกรุง คือร้านมอนโลเฮียงเบเกอรี่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายทำธุรกิจกับต่างประเทศ และการท่องเที่ยวมีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้มีความต้องการบริโภค ขนมเค้ก ขนมปัง เพสตรี้ เพื่อบริการแก่ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ธุรกิจเบเกอรี่ หรือขนมเค้ก ขนมปัง ขนมคุ๊กกี้ จึงขยายตัวและเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชนิดของเค้ก
เนื้อเค้กโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1.เค้กเนย เค้กเนยจะมีปริมาณของไขมันจากเนยผสมอยู่ค่อนข้างสูง โดยตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู ซึ่งไขมันจะจับอากาศในระหว่างที่ตี ถ้าต้องการให้เนื้อเค้กฟูดี ไม่ควรใช้เนยสดอย่างเดียวเพราะจะเก็บอากาศได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เค้กที่ออกมามีขนาดเล็ก การใช้ไข่ที่แช่เย็นจะช่วยให้การตีขึ้นฟูและเนื้อละเอียดดีขึ้น และควรใส่แป้งสลับกับนม
– มีส่วนผสมของไขมันจากเนยเป็นหลัก
– การขึ้นฟูของเค้กเกิดจากอากาศที่ได้จากการตีเนย
– ใช้กรรมวิธีในการผสมหลายอย่าง
– ลักษณะของเนื้อเค้กจะแน่นและหนักกว่า สปันจ์เค้ก ชิฟฟอนเค้ก
– เนื้อเค้กนุ่ม ชุ่ม เนื่องจากมีปริมาณของเนยจำนวนมาก
– มีรสชาติดีกว่าอีก 2 ชนิดฃ
2.สปันจ์เค้กสปันจ์เค้ก
สปันจ์เค้กจะมีไข่เป็นส่วนผสมหลัก การขึ้นฟูของเค้กขึ้นอยู่กับการตีไข่กับแป้ง โดยใช้เวลาที่เหมาะสมก็จะทำให้ฟองของไข่ละเอียดเป็นเงา การทำสปันจ์เค้กนั้นจะใช้เนยละลายในปริมาณพอเหมาะแต่จะน้อยกว่าเค้กเนย หากใช้ไข่ที่สดลักษณะของไข่ขาวไม่เหลวมากก็จำทำให้เค้กมีปริมาตรที่ดีได้ ควรใช้ไข่ที่ไม่แช่เย็นจะทำให้ได้ปริมาณมากกว่า้ไข่ที่แช่เย็น
– มีไขมันผสมอยู่จำนวนน้อยกว่าเค้กเนย
– มีไข่เป็นส่วผสมหลัก
– ปริมาตรของเนื้อเค้กขึ้นอยู่กับอากาศ ที่เก็บเข้าไว้ในระหว่างการตีไข่
– กรรมวิธีจะเริ่มจากการตีไข่กับแป้งก่อนเสมอ
– ลักษณะของเค้กจะเบาและนุ่มกว่าเค้กเนย
3.ชิฟฟอนเค้ก ชิฟฟ่อนเค้กมีเนื้อเค้กเบาและนุ่มเหมือนสปันจ์เค้กแต่มีเนื้อเค้กเหมือนเค้กเนย และมีขั้นตอนการทำที่แตกต่างจากสปันจ์เค้กและเค้กเนย สำคัญที่การแยกไข่แดงและไข่ขาว จะต้องไม่ให้มีไข่แดงปนในไข่ขาวเลย เพราะจะทำให้ตีไม่ขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ต้องแห้งสนิทไม่มีไขมันปะปน และตีด้วยความเร็วสูงในชามแก้วหรือเหล็กปลอดสนิมเท่านั้น
– ใช้น้ำมันพืชแทนเนยในส่วนผสม
– การผสมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของไข่แดง และส่วนของไข่ขาว
– ไข่ที่ใช้จะต้องแยกกันไม่ใช่การตีไข่ทั้งฟอง
– ปริมาตรของเนื้อเค้กจะขึ้นอยู่กับการจับอากาศระหว่งตีไข่ขาว
– มีลักษณะคล้ายสปันจ์เค้ก แต่มีเนื้อเค้กที่มันและเงาเหมือนเค้กเนย
รู้ประวัติและชนิดของเค้กกันไปแล้ว วันนี้ Thailandpostmart มีเค้กขุกมิ่ง เค้กนุ่ม เนื้อนิ่ม ต้นตำรับเค้กเมืองตรัง เค้กที่มีลักษณะเป็นรูตรงกลาง และกลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของภาคใต้ ความพิเศษของเค้กขุกมิ่งคือ มีกรรมวิธีแบบโบราณ อาศัยการตีขึ้นของไข่กับน้ำตาลโดยไม่ใช้ผงฟูหรือสารสังเคราะห์ใดมาช่วยทั้งสิ้น ส่วนผสมที่ใช้เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติล้วน ๆ ปราศจากวัตถุกันเสียเจือปนและด้วยรสชาติที่กลมกล่อมเนื้อเค้กที่แน่นแต่นุ่ม ชุ่มลิ้น ความอร่อยที่เข้มข้น เนื้อเค้กไม่แห้ง ไม่แข็งจนเกินไป รับประทานคู่กับชาหรือกาแฟร้อน ๆ รับรองอร่อยจนติดใจ นอกจากนี้ขุกมิ่ง ตำนานผู้ริเริ่มเค้กอร่อยยังได้ประดิษฐ์เตาอบและเครื่องตีไข่สุดเก๋เป็นสูตรลับเฉพาะของร้าน ซึ่งปัจจุบันลูก ๆ พัฒนาให้ทันสมัยขึ้น ด้วยเอกลักษณ์ของรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ไม่เหมือนใครทำให้เค้กขุกมิ่งเป็นของฝากของดีเมืองตรังที่ใครผ่านไปผ่านมาต้องหิ้วติดมือกลับไปกันคนละหลายกล่อง อยากลิ้มลองความอร่อย คลิกเลยย >> https://goo.gl/GSwJeS